ข่าวประชาสัมพันธ์ » UNESCO ประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญ “CSE: A Foundation for Life and Love” การศึกษาเรื่องเพศวิถีกับโครงการ : “มูลนิธิเพื่อชีวิตและความรัก”

UNESCO ประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญ “CSE: A Foundation for Life and Love” การศึกษาเรื่องเพศวิถีกับโครงการ : “มูลนิธิเพื่อชีวิตและความรัก”

10 กันยายน 2018
888   0

เมื่อเร็วๆนี้ ยูเนสโกจัดโครงการรณรงค์ระดับโลกสำหรับการศึกษาเรื่องเพศวิถีหรือ (CSE) ในโครงการ “มูลนิธิเพื่อชีวิตและความรัก” ขึ้นในกรุงเทพฯ ประเทศไทย

“UNESCO มุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจว่าเด็กและเยาวชนทุกคนจะได้รับประโยชน์จาก (CSE) เพื่อให้ถูกนำไปใช้งานได้จริง อีกทั้งสามารถควบคุมและตัดสินใจอย่างรอบคอบเกี่ยวกับเรื่องเพศและความสัมพันธ์ได้อย่างอิสระและอย่างรับผิดชอบ ดังนั้นเรามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะเปิดตัวแคมเปญ “CSE: A Foundation for Life and Love” เพื่อเป็นกระบอกเสียง ที่ทำให้ทราบถึงความจำเป็นของ CSE อันจะเป็นส่วนสำคัญในการสนทนาในครอบครัว, โรงเรียนและทั่วไปในภาคประชาสังคม” Maki Hayashikawa หัวหน้าส่วนงานและด้านคุณภาพการศึกษา องค์การยูเนสโก กรุงเทพฯ

ยูเนสโกได้พูดคุยกับครอบครัวจากประเทศต่างๆทั่วโลก เพื่อรับรู้ถึงเสียงสะท้อนจากประสบการณ์ในการศึกษาเรื่องเพศ รวมถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการที่จะได้เรียนรู้ นำมาจัดทำเป็นวีดีโอและนิทรรศการ อันแสดงให้เห็นว่าทำไมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เยาวชน จะเรียนรู้เกี่ยวกับสุขภาพ ความสัมพันธ์ เพศสภาพ เพศ และเรื่องทางเพศอื่นๆ “มูลนิธิเพื่อชีวิตและความรัก” คือส่วนขยายของโครงการในโซเชียลมีเดีย #CSEandMe ซึ่งถูกจัดขึ้นและประชาสัมพันธ์โดย UNESCO ร่วมกับ UNFPA, ARROW และองค์กรอื่นๆ

แคมเปญ “CSE and Me” นำโดย UNESCO ที่เสนอตัวอย่างชีวิตจริงจากทั่วโลก ในเรื่องโลกของการศึกษาเรื่องเพศ ที่ควรจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของทุกคน โดยเริ่มได้ตั้งแต่อายุห้าขวบหรือน้อยกว่านั้น โดยเกี่ยวกับครอบครัว, ความสัมพันธ์, การตัดสินใจ, การสื่อสาร, ความเคารพ, ความรักและอื่น ๆ อีกมากมายตามที่เห็นในวิดีโอ เหนือสิ่งอื่นใดยังรวมถึงความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่ง UNFPA ทำงานร่วมกับองค์การ UNESCO และองค์การสหประชาชาติอื่น ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กทุกคนจะมีทักษะที่จำเป็นรผ่านการศึกษาเรื่องเพศวิถี ซึ่งพวกเขาสามารถเข้าถึงได้อย่างเต็มที่” Bjorn Andersson, ผู้อำนวยการภูมิภาค UNFPA APRO

นิทรรศการนี้ได้รวบรวมเรื่องราวมากมาย รวมถึงเรื่องจาก เด็กหญิง “ใหม่” อายุ 14 ปี จากประเทศไทย ผู้ซึ่งกล่าวว่า “การศึกษาเรื่องเพศวิถีในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องที่น่าอายอีกต่อไป แต่หากควรที่จะเรียนรู้เพราะเราอยู่ในสังคมนี้ร่วมกัน นอกจากจะไม่ได้สร้างความเสียหายแล้วยังช่วยให้เราสามารถเข้าใจสิ่งต่างๆได้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย”

ดร. จิราภรณ์ อรุณากูร ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชภัณฑ์วัยรุ่น ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในนิทรรศการนี้ด้วยเช่นกัน โดยกล่าวว่า “ดิฉันเห็นว่าประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากโครงการ CSE เป็นอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่จะกล่าวถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ได้กล่าวถึงการวิธีการที่จะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย ซึ่งนั่นเกี่ยวเนื่องกับการมีความสัมพันธ์ที่ดี รวมถึงการเรียนรู้วิธีการที่จะสื่อสารในสื่งที่ตัวเราต้องการหรือไม่ต้องการได้อย่างเหมาะสม”

ดร.เจตน์ ศิรธรานนท์ เลขาธิการ จากองค์การสมาชิกรัฐสภาแห่งเอเชียด้านประชากรและการพัฒนา (AFPPD) ยังเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในนิทรรศการครั้งนี้ด้วย

“การศึกษาเรื่องเพศวิถีถือเป็นสิทธิที่สำคัญของเยาวชนทุกคน CSE ช่วยให้เราสามารถเข้าใจถึงร่างกายและเพศของเรา เพื่อนำไปสู่การปรับตัวและนำทางในความสัมพันธ์บนโลกที่ซับซ้อน CSE เป็นตัวแปรสำหรับคนหนุ่มสาวเพราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้พวกเขาเข้าใจวิธีการป้องกันตัวเองจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์แล้ว แต่ยังได้เข้าใจถึงวิธีการและความแตกต่างระหว่างการยินยอมและการถูกบีบบังคับ, อีกทั้งช่วยลดความรุนแรงทางเพศ, และสร้างความหมายของความเคารพซึ่งกันและกัน และการเติมเต็มในความสัมพันธ์” Sivananthi Thanenthiran ผู้บริหาร ผู้อำนวยการ ARROW

การป้องกันและมาตราการแก้ไขปัญหาเรื่อง การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ซึ่งกำหนดเป็นสตรีตั้งครรภ์ที่มีอายุระหว่าง 10-19 ปี ถูกประกอบด้วย 23 ส่วนด้วยกัน โดยในประเทศไทยต้องยินยอมให้สิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลและบริการทางด้านอนามัยเจริญพันธุ์ อีกทั้งโรงเรียนต้องให้การศึกษาเรื่องเพศวิถี อีกทั้งคอยให้คำปรึกษาในเรื่องการป้องกันการตั้งครรภ์ รวมถึงยินยอมให้คุณแม่วัยรุ่นได้เรียนในโรงเรียนต่อไปได้จนกระทั่งจบการศึกษา

การศึกษาเรื่องเพศวิถี (CSE): มีดังนี้

• การศึกษาเรื่องเพศวิถี คือกระบวนการสอนตามหลักสูตร และการเรียนรู้องค์ความรู้ อารมณ์ ร่างกาย และ เพศวิถีในแง่สังคม ซึ่งตามหลักสูตรถูกจัดให้เด็กและเยาวชน ได้มีองค์ความรู้ ทักษะ ทัศนคติและการมองเห็นคุณค่าที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้พวกเขาเหล่านั้นได้ตระหนักถึง สุขภาพ สวัสดิภาพ รวมถึงศักดิ์ศรีของตนเอง นำไปสู่การพัฒนาทางด้านการเคารพสังคมและความสัมพันธ์ทางเพศ อีกทั้งทำให้สามารถพิจารณาได้ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสวัสดิภาพของตนเองและผู้อื่นจากสิ่งที่เราเลือกได้ พร้อมทั้งเข้าใจและให้ความคุ้มครองสิทธิของตนตลอดชีวิต
• จากการตรวจสอบหลักฐานใหม่ พร้อมกับการทบทวนหลักสูตรทั่วโลกซึ่งดำเนินการโดยองค์การยูเนสโกในปี 2016 พบว่าในหลักสูตรไม่ได้ให้ความสำคัญในการศึกษาเรื่องเพศทั้งในหรือนอกโรงเรียน ไม่ได้มีการสอนเรื่องกิจกรรมทางเพศ, เรื่องพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ หรืออัตราการเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ และเชื้อ HIV นอกจากนี้ยังพบว่าการเข้าร่วมกลุ่มเพื่องดเว้นการมีเพศสัมพันธุ์ไม่ได้มีประสิทธิภาพมากพอในการชะลอความถี่ของการมีเพศสัมพันธุ์ หรือลดจำนวนของคู่นอนลง
• วัยรุ่นต่างต้องเผชิญปัญหาเรื่องเพศและปัญหาสุขภาพด้านการเจริญพันธุ์มากมาย จากการเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น การเข้าถึงวิธีคุมกำเนิด ไปจนถึงการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร, ความรุนแรงทางเพศ, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเชื้อ HIV/ เอดส์ การศึกษาเรื่องเพศวิถีมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเยาวชนเพื่อนำทางพวกเขาในการเผชิญหน้ากับสิ่งท้าทายเหล่านี้
• UNESCO ได้นำเสนอบทความเต็มเรื่อง International technical guidance on sexuality education ในปี 2018 จากการทำงานร่วมกันกับ UNAIDS, UNDP, UNFPA, UN Women, and WHO ช่วยให้องค์กรการศึกษา, สุขภาพ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พัฒนาและนำ CSE ไปใช้ได้เป็นผลสำเร็จ รวมถึงข้อเท็จจริงอื่นๆ แนวการปฏิบัตินี่เป็นไปตามความสมัครใจและไม่มีการบังคับให้นำไปใช้ โดยอ้างอิงตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดตามหลักสากล และตระหนักถึงความหลากหลายในบริบทของประเทศที่มีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเพศ
• แนวคิดหลัก, หัวข้อและวัตถุประสงค์หลักของ The Technical Guidance outlines ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาและปรัญใช้เพื่อผู้เรียน อายุ5- 18+ ขึ้นไป มีดังนี้
 ความสัมพันธ์
 คุณค่าในตัวเอง, สิทธิ, วัฒนธรรม และเรื่องทางเพศ
 ความเข้าใจเพศ
 ความรุนแรง และการปกป้องตัวเองให้ปลอดภัย
 ทักษะเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
 ร่างกายของมนุษย์และการพัฒนาการ
 เรื่องทางเพศ และพฤติกรรมทางเพศอื่นๆ
 เรื่องเพศและสุขภาพอนามัยในการเจริญพันธุ์